การเทรด Forex (FX) แล ทำงานอย่างไร?
การเทรดฟอเร็กซ์เกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลหนึ่งไปพร้อมกัน ด้วยการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เทรดเดอร์คาดการณ์ทิศทางที่เป็นไปได้ของราคาสกุลเงินและพยายามที่จะคว้าผลกำไรจากความผันผวนของราคา ไม่มีตลาดแลกเปลี่ยนส่วนกลางสำหรับการเทรดฟอเร็กซ์ แต่จะเกิดขึ้นทางอิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ ระหว่างเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ตลาดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์
การเทรดฟอเร็กซ์เป็นการซื้อและขายสกุลเงินสองสกุลในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังซื้อ EUR/JPY หมายความว่าคุณกำลังซื้อ EUR โดยขาย JPY และหากคุณกำลังขายคู่สกุลเงินนี้ เท่ากับคุณกำลังซื้อ JPY โดยขาย EUR
ในปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้นักลงทุนสามารถเข้าเทรดในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ได้ โดยใช้แพลตฟอร์มการเทรดฟอเร็กซ์ เช่น MetaTrader 4, MetaTrader 5 และ Iress อ่านเพิ่มเติม ฉันจะเทรดฟอเร็กซ์อย่างไร
การเทรดออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นได้ปูทางไปสู่การใช้การเทรด CFD ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่มีมูลค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจากมูลค่าการเทรดทั้งหมด
ตลาดฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร
ฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่ซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ (OTC) ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุด ในฟอเร็กซ์ จะมีการซื้อและขายสกุลเงินต่างๆ ผ่านเครือข่ายธนาคาร เนื่องจากไม่มีตลาดแลกเปลี่ยน การเทรดฟอเร็กซ์จึงไม่มีศูนย์กลางและสามารถดำเนินการเทรดได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีเซสชั่นการเทรดหลัก 4 เซสชั่น ได้แก่ ซิดนีย์ ลอนดอน นิวยอร์กและโตเกียว
ตลาดฟอเร็กซ์ประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือตลาดสปอตฟอเร็กซ์ ในฟอเร็กซ์ การเทรดสปอตจะเป็นการแลกเปลี่ยนคู่สกุลเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้แพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ ส่วนตลาดประเภทอื่นๆ ได้แก่ ตลาดฟอเร็กซ์ล่วงหน้าและตลาดฟิวเจอร์สฟอเร็กซ์
มี 4 เซสชั่นเทรดที่สำคัญ
โปรดอย่าลืมว่าการกำหนดเวลาในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรมีการเปลี่ยนเป็น/เปลี่ยนจากช่วงเวลาออมแสงในเดือนตุลาคม/พฤศจิกายน และมีนาคม/เมษายน ดังนั้นโปรดวางแผนการเทรดของคุณตามข้อมูลนี้ สภาพคล่องของตลาดสำหรับคู่เงินขึ้นอยู่กับเซสชั่นการเทรดฟอเร็กซ์ ตัวอย่างเช่น คู่ EUR/USD มีความเคลื่อนไหวและสภาพคล่องสูงในระหว่างรอยต่อของเซสชั่นลอนดอนกับนิวยอร์ก คู่ AUD/USD มีการเคลื่อนไหวสูงสุดในเซสชั่นโตเกียวกับลอนดอน เมื่อคุณรู้ว่าจะควรเทรดเมื่อใด ขั้นต่อไปก็คือการเรียนรู้ศัพท์เทคนิคเฉพาะ นี่เป็นคำศัพท์และแนวคิดที่คุณจะพบในตลาด
สกุลเงินฐานและสกุลเงินอ้างอิงใน Forex คืออะไร?
สกุลเงินจะแสดงด้วยรหัส ISO ที่เป็นตัวอักษร 3 ตัว ตัวอย่างเช่นวิธีที่สกุลเงินสำคัญต่างๆ จะแสดงเป็น USD (ดอลลาร์สหรัฐฯ), AUD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย), EUR (ยูโร), JPY (yen) และ GPB (ปอนด์อังกฤษ)
ในการเทรดเงินตราต่างประเทศ สกุลเงินจะได้รับการโควตเป็นคู่ เมื่อคุณเห็นคู่สกุลเงิน สกุลเงินแรกจะเรียกว่าสกุลเงินฐานและสกุลเงินที่สองจะเรียกว่าสกุลเงินที่โควตหรือสกุลเงินอ้างอิง ตัวอย่าง สมมติว่า EUR/AUD เทรดที่ 1.6163 หมายความว่าหากจะซื้อยูโร 1 เหรียญ คุณจะต้องใช้ดอลลาร์ออสเตรเลีย 1.6163 เหรียญ
แพลตฟอร์ม Moves
the Forex Market?
มีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลกระทบต่อตลาดฟอเร็กซ์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น
สองกลุ่ม ได้แก่
ผู้เข้าร่วมในตลาดและปัจจัยด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค
ผู้เข้าร่วมในตลาด
ธนาคารขนาดใหญ่: เนื่องจากไม่มีศูนย์กลาง ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลกจึงเป็นผู้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยน ธนาคารระดับโลก เช่น Barclays, HSBC, Citi, JPMorgan และ Deutsche Bank เป็นหนึ่งในเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์รายใหญ่ที่สุด
บริษัทข้ามชาติ: บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่เข้าร่วมในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจ หากบริษัทที่ตั้งอยู่ในออสเตรเลียกำลังขายผลิตภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะต้องเทรด USD กับ AUD เพื่อนำเงินรายได้กลับบ้าน
เทรดเดอร์รายย่อย: หมายถึงบุคคลที่เทรดด้วยเงินของตนเองเพื่อที่จะทำกำไร การเข้าเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ที่สะดวกขึ้นผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์และแพลตฟอร์มการเทรดระดับสูงได้ส่งผลให้เทรดเดอร์รายย่อยมีสัดส่วนที่เติบโตเพิ่มขึ้นในตลาดฟอเร็กซ์
ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและเศรษฐศาสตร์มหภาค
ธนาคารกลาง: สถิติทางเศรษฐศาสตร์มหภาค เช่น อัตราเงินเฟ้อ มีผลกระทบต่อตลาดฟอเร็กซ์เป็นอย่างมาก รัฐบาลและธนาคารกลาง เช่น Federal Reserve จะประชุมกันเป็นประจำเพื่อประเมินสถานะทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยและนโยบายทางการเงิน ซึ่งทุกอย่างล้วนมีผลต่อตลาดฟอเร็กซ์โดยตรง
ตลาดทุน: ราคาหุ้น พันธบัตรและฟิวเจอร์สสินค้าโภคภัณฑ์ยังมีอิทธิพลต่อตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
การเทรดนานาชาติ: ตัวเลขที่เกี่ยวกับปริมาณการเทรดของประเทศหนึ่งจะมีผลกระทบต่อค่าเงิน การขาดดุลและเกินดุลในการเทรดจะสะท้อนให้เห็นอยู่ในความเคลื่อนไหวของราคาในตลาดฟอเร็กซ์
การเมือง: โดยเฉพาะกรณีเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง ซึ่งส่งผลให้ตลาดฟอเร็กซ์ผันผวนอย่างมาก จะเห็นได้ชัดจากเหตุการณ์ในอดีต เช่น Brexit ในสหราชอาณาจักรและการแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดีหลายๆ ครั้งในสหรัฐอเมริกา
จะเริ่มต้นกับการซื้อขาย Forex ได้อย่างไร?
ลองดู 4 ขั้นตอนนี้ในการเริ่มต้นเทรดฟอเร็กซ์:
ขั้นที่ 1 | เพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเอง
เรียนรู้ทุกสิ่งที่คุณทำได้เกี่ยวกับตลาด ทำความเข้าใจว่าการเทรดฟอเร็กซ์มีประโยชน์กับคุณอย่างไรและตรวจสอบเวลาที่คุณสามารถอุทิศให้ได้ เรียนรู้วิธีถอดรหัสพื้นฐานของตลาดและวิธีการศึกษากราฟ
ขั้นที่ 2 | หาโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแล
A regulated or licensed broker will provide a certain level of protection and provide you the necessary tools to trade efficiently. Open an FP Markets demo account and access our educational materials and you can practice strategies in live market pricing, without risking capital.
ขั้นที่ 3 | เปิดบัญชีหลักประกัน
ตัดสินใจเกี่ยวกับโปรไฟล์ความเสี่ยง/ผลตอบแทนของคุณ คุณสามารถยอมรับการสูญเสียเงินทุนได้มากน้อยเพียงใดขณะทำการเทรด จากนั้นเลือกเลเวอเรจของคุณ หากคุณยังเป็นมือใหม่ ก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะเริ่มจากน้อยๆ
ขั้นที่ 4 | เลือกแพลตฟอร์มเทรดของคุณ
โบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจาก ASIC มีเทคโนโลยีด้านฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดส่วนหนึ่ง ความสำเร็จในการเทรดระยะยาวของคุณจะขึ้นอยู่กับการดำเนินการเทรดที่รวดเร็ว, Slippage ต่ำ, ความปลอดภัยของเงินทุน และการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ เลือกแพลตฟอร์มอย่างเช่น MT4 หรือ MT5 ที่มีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดในขณะที่เปิดให้คุณทำการเทรดบนอุปกรณ์พกพาได้ด้วย
ประวัติคร่าวๆ ของฟอเร็กซ์
การแลกเปลี่ยนเงินตราเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราชในเวลาที่มีการสร้างสกุลเงินขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก จวบจนทุกวันนี้ ตลาดฟอเร็กซ์ได้กลายเป็นตลาดเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไทม์ไลน์ทางด้านล่างได้เน้นถึงโอกาสที่สำคัญในการเดินทางของฟอเร็กซ์
600
ก่อนคริสต์ศักราช
Kingdom of Lydia introduces
coins made of gold and silver.
618
คริสต์ศักราช
Tang dynasty in China created
the paper note.
1661
คริสต์ศักราช
The first banknote ever printed
in Europe is produced in
Sweden.
ที่ 17
CENTURY
Amsterdam becomes home to
the first forex market ever
created.
1819
คริสต์ศักราช
England adopts the gold
standard with the government
guaranteeing to redeem any
amount of paper money for its
value in gold. The United
States
followed suit in 1834 before
other major countries (France,
Germany and
others) in 1870.
1946
คริสต์ศักราช
Following multiple World Wars,
the gold standard system
breaks down. It is replaced by
the Bretton Woods System.
The US Dollar is
established as
the world’s reserve currency.
1973
คริสต์ศักราช
Official switch to the free
floating system.
1996
คริสต์ศักราช
จุดกำเนิดโบรกเกอร์ออนไลน์
2005
คริสต์ศักราช
MetaTrader 4, a revolutionary
trading platform is released.
It
is specifically designed for forex
traders and features real-time
pricing.
วันนี้
Daily forex turnover figures
exceed more than $5 trillion per
day.
ราคา Forex / อัตราแลกเปลี่ยน
สกุลเงินมีการเทรดกันเป็นคู่ เช่น ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD) หรือ ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ (AUD/USD) สกุลเงินนั้นแทนด้วยรหัส ISO 3 ตัว เช่น EUR (ยูโร), GBP (ปอนด์อังกฤษ) และ USD (ดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อคุณเห็นโควตสกุลเงิน สกุลเงินแรกเรียกว่าสกุลเงินหลักและสกุลเงินที่สองคือสกุลเงินอ้างอิงหรือสกุลเงินรอง ตัวอย่างเช่น สมมติว่า EUR/USD มีการเทรดอยู่ที่ 1.1086 นี่หมายความว่าในการจะซื้อยูโร 1 หน่วย คุณจะต้องใช้ 1.1086 ดออลาร์สหรัฐ
ราคา $1.1087 ที่สูงกว่าคือราคาเสนอขาย (Ask) ขณะที่ $1.1086 คือราคาเสนอซื้อ (Bid) ราคาเสนอซื้อ (Bid) คือราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อยินดีที่จะจ่ายสำหรับสกุลเงินนั้น ราคาเสนอขาย (Ask) คือราคาต่ำสุดที่ผู้ขายยินดีรับสำหรับสกุลเงินเดียวกัน ราคาเหล่านี้ผันผวนตลอดเวลา โดยขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน ความเชื่อมั่นของตลาด และเหตุการณ์ภายนอก
สเปรด
ความแตกต่างระหว่างสองราคานี้เรียกว่า สเปรด ซึ่งจะรวมค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บโดยโบรกเกอร์ด้วย สเปรดจะขึ้นอยู่กับคู่เงินและโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่คุณควรเลือก โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีใบอนุญาตการกำหนดราคาแบบ ECN (Electronic Communications Network) จะสามารถดึงโควตราคามาจากผู้ให้บริการสภาพคล่องต่างๆ ในตลาด นี่หมายความว่าพวกเขาสามารถให้สเปรดที่ต่ำได้
ตัวอย่างของการเทรด
CFD ที่ใช้เลเวอเรจ
สมมติว่าคุณต้องการเทรด CFD โดยที่สินทรัพย์อ้างอิงคือคู่เงิน AUD/USD หรือที่เรียกว่า ""ออสซี่ (Aussie)"" ลองสมมติว่าคู่ AUD/USD มีการซื้อขายกันอยู่ที่:
สเปรด Bid/Ask
"Bid" คือราคาขาย นี่คือราคาที่คุณทำการขายสินทรัพย์ ราคาที่สูงกว่าของทั้งสองราคาคือ "Ask" หรือราคาซื้อ ซึ่งเป็นราคาที่คุณซื้อสินทรัพย์ ความแตกต่างระหว่างสองราคานี้คือ "สเปรด" นี่คือค่าใช้จ่ายในการเทรดของคุณ สเปรดอาจจะต่ำหรือสูงก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของสินทรัพย์และโบรกเกอร์ที่คุณเลือกใช้ ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์สามารถโควตราคาจากผู้ให้บริการสภาพคล่องกลุ่มใหญ่เพื่อมอบสเปรดระหว่าง Bid/Ask ที่ต่ำที่สุดได้
คุณตัดสินใจซื้อ AUD มูลค่า 20,000 USD เนื่องจากคุณคิดว่าราคา AUD/USD จะปรับขึ้นในอนาคต เลเวอเรจบัญชีของคุณจะถูกตั้งไว้ที่ 100:1 หมายความว่าคุณต้องฝากเงิน 1% ของมูลค่าสถานะรวมทั้งหมดในบัญชีหลักประกันของคุณ
ในชั่วโมงถัดไป หากราคาขยับไปที่ 0.6880/0.6882 คุณจะมีการเทรดที่ทำกำไร คุณสามารถปิดสถานะได้โดยขายที่ราคาปัจจุบันคือ AUD 0.6880
ในกรณีนี้ ราคาขยับไปในทิศทางที่คุณต้องการ แต่หากราคาปรับลงแทน โดยเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดการณ์ไว้ คุณอาจขาดทุน หากหลักประกันที่เหลือลดลงต่ำกว่า 100% ของข้อกำหนดด้านหลักประกัน สถานะของคุณจะถูกเรียกให้เพิ่มเงินทุน (margin call)
สังเกตเห็นหรือไม่ว่าราคาที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยอาจให้โอกาสในการเทรด ความแตกต่างเล็กน้อยนี้เรียกว่า ""pip"" หรือ ""percentage in point (เปอร์เซ็นต์เป็นจุด)"" ในตลาดฟอเร็กซ์ อย่างเช่นในตัวอย่างข้างต้น เป็นการปรับขึ้นของราคาในหน่วยเล็กที่สุดเป็นอันดับสอง สำหรับสินทรัพย์เช่น AUD/USD ซึ่งมีดอลลาร์สหรัฐรวมอยู่ด้วย pip จะแสดงทศนิยมสูงสุด 4 ตำแหน่ง แต่ในกรณีของคู่ที่มีเยนญี่ปุ่นเช่น AUD/JPY ราคาจะมักจะแสดงทศนิยมสูงสุด 3 ตำแหน่ง
การประเมินความเคลื่อนไหวของราคาอย่างต่อเนื่องและผลลัพธ์การทำกำไร/ขาดทุนนั้นเกิดขึ้นรายวัน ดังนั้นจึงนำไปสู่ผลตอบแทนสุทธิ (บวก/ลบ) จากหลักประกันเริ่มแรกของคุณ ในกรณีที่หลักประกันที่เหลือของคุณติดลบ คุณจะได้รับแจ้งการเรียกหลักประกันเพิ่ม หากคุณไม่ฝากเงินเพิ่ม สัญญาอาจถูกปิดที่ราคาตลาดปัจจุบันหากสถานะยังคงสวนทางกับคุณต่อไป กระบวนการประเมินหลักประกันที่เหลือของคุณนั้นเรียกว่า "Marking to Market"
Pip คืออะไรใน Forex?
Pip เป็นตัวย่อของ Point in Percentage ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสองในราคาของคู่เงินและเป็นหน่วยมาตรฐาน สำหรับคู่เงินที่มีดอลลาร์สหรัฐ เช่น AUD/USD หนึ่ง Pip เท่ากับ $0.0001 อย่างไรก็ตาม ในบางสกุลเงินอย่างเช่นเยนญี่ปุ่น (JPY) จะแสดงเป็น $0.001
ความผันผวนของมูลค่า Pip มีผลต่อกำไรจากการเทรด ตัวอย่างเช่น หากคุณตัดสินใจซื้อ €10,000 และคู่ EUR/USD มีการเทรดกันอยู่ที่ 1.1086 ราคาที่คุณจะต้องจ่ายจะเท่ากับ $(10,000×1.1086) หรือ $11,086
หากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับคู่นี้มีการปรับขึ้น 5 pip ซึ่งหมายความว่าขณะนี้ EUR/USD มีการเทรดกันอยู่ที่ 1.1091 เช่นนี้ในการซื้อ €10,000คุณจะต้องจ่าย $11,091
Forex สกุลเงินหลัก สกุลเงินรอง และ สกุลเงิน แปลกใหม่
คู่เงินบางคู่เท่านั้นที่มีการเทรดกันในปริมาณมาก ดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้เป็นทุนสำรองทั่วโลกและมีการเทรดกันมากที่สุด แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการครองตลาดจะเบาบางลงไปบ้าง คู่เงินถูกแบ่งออกเป็นหมวดหมู่หลัก รอง และ exotic โดยขึ้นอยู่กับความถี่ที่มีการเทรดคู่นั้น
คู่หลัก
คู่เงินหลักมีสเปรดต่ำที่สุด
นั่นคือ:
EUR/USD
Euro/US Dollar (aka Fiber)
GBP/USD
British Pound/US Dollar (aka Cable)
USD/JPY
US Dollar/Japanese Yen (aka Ninja)
USD/CHF
US Dollar/Swiss Franc (aka Swissy)
CAD/USD
Canadian Dollar/US Dollar (aka Loonie)
AUD/USD
Australian Dollar/US Dollar (aka Aussie)
NZD/USD
New Zealand Dollar/US Dollar (aka Kiwi)
คู่รอง
จากนั้นตามมาด้วยคู่เงินรอง หรือที่เรียกกันว่าคู่ข้าม (Cross-currency) ที่เรียกเช่นนั้นเพราะคู่เหล่านั้นไม่มีดอลลาร์สหรัฐรวมอยู่ด้วย ดังนั้นในการแปลงสกุลเงินหนึ่งเป็นอีกสกุลหนึ่ง ดอลลาร์สหรัฐจะต้องทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง
คู่รองบางส่วนได้แก่:
EUR/GBP
Euro/British Pound (aka Chunnel)
EUR/AUD
Euro/Australian Dollar
CHF/JPY
Swiss Franc/Japanese Yen
GBP/JPY
British Pound/Japanese Yen (aka Gopher)
GBP/CAD
British Pound/Canadian Dollar.
คู่ Exotics
คู่แปลกใหม่อาจรวมสกุลเงินหลักกับสกุลเงินของตลาดเกิดใหม่ การเทรดคู่แปลกใหม่ถือว่ามีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมีแนวโน้มที่จะมีสภาพคล่องต่ำ สเปรดที่กว้างกว่า และความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศเหล่านี้สามารถทำให้สกุลเงินมีความผันผวนได้
ตัวอย่างบางส่วนได้แก่:
EUR/TRY
Euro/Turkish Lira
USD/HKD
US Dollar/Hong Kong Dollar
AUD/MXN
Australian Dollar/Mexican Peso
ในวงเล็บคือชื่อเล่นทั่วไปสำหรับคู่เงินเหล่านี้
ทำการ Long หรือ Short
เมื่อคุณทำการถือสถานะ Long ในคู่เงิน คุณซื้อสกุลเงินด้วยความหวังว่าราคาของมันจะสูงขึ้น (แข็งค่าขึ้น) ในอนาคต ซึ่งหมายความว่าคุณต้องการซื้อสกุลเงินหลักและขายสกุลเงินรองเนื่องจากคุณคาดว่าสกุลเงินหลักจะปรับขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินรอง
เมื่อคุณทำการถือสถานะ Short ในคู่เงิน คุณขายสกุลเงินหลักโดยคาดว่าสกุลเงินนั้นจะเสื่อมราคา (อ่อนค่าลง) ในอนาคต ทำให้คุณสามารถซื้อได้ในภายหลัง แต่ในราคาที่ต่ำกว่า
ขนาดล็อต
เมื่อคุณตัดสินใจเลือกขนาดสถานะได้แล้ว คำที่คุณจะได้ยินคือ "ล็อต" ล็อตคือขนาดสถานะมาตรฐานสำหรับสกุลเงินต่างๆ ตลาดฟอเร็กซ์ให้ความยืดหยุ่นในการเทรดตามวิธีการและโปรไฟล์ความเสี่ยงของคุณ ขนาดมาตรฐานของล็อตคือ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก นอกจากยังมีล็อตขนาดมินิและไมโครที่เท่ากับ 10,000 และ 1,000 หน่วยของสกุลเงินหลักตามลำดับ
สภาพคล่องในการเทรดฟอเร็กซ์คืออะไร?
สภาพคล่องในตลาดฟอเร็กซ์หมายถึงความสามารถของสกุลเงินในการที่จะซื้อหรือขายได้ตามความต้องการ เมื่อคุณเทรดในคู่เงินหลัก ก็จะมีผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสเกือบจะเสมอที่จะเป็นผู้ลงทุนฝ่ายตรงข้ามในทุกสถานะที่คุณดำเนินการ คุณสามารถซื้อหรือขายสกุลเงินเหล่านี้เป็นจำนวนมากโดยไม่ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราแลกเปลี่ยน
สภาพคล่องมีความผันผวนในระหว่างเซสชั่นเทรด คุณมีแนวโน้มที่จะเห็นการดำเนินการจำนวนมากในระหว่างช่วงเวลาที่เซสชั่นของนิวยอร์กกับลอนดอนซ้อนกัน คุณอาจได้ประโยชน์จากการเลือกเซสชั่นเทรดที่เฉพาะเจาะจงโดยขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ระยะสั้นชอบเซสชั่นของสหรัฐหรือลอนดอน ซึ่งเป็นช่วงที่มีแนวโน้มจะเกิดการทะลุกรอบราคาและการเคลื่อนไหวแบบเปอร์เซ็นไทล์จำนวนมาก เซสชั่นโตเกียวมักจะอยู่ในกรอบซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับพวกเขาเท่าไหร่นัก
ตลาดที่มีสภาพคล่องอย่างเช่นฟอเร็กซ์มีแนวโน้มที่จะผันผวนครั้งละเล็กน้อย เนื่องจากสภาพคล่องสูงหมายถึงความผันผวนที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม ความผันผวนสูงสามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากเหตุการณ์ภายนอกที่สำคัญ
คอนเซ็ปต์ของเลเวอเรจในการเทรดฟอเร็กซ์
เลเวอเรจในการเทรดฟอเร็กซ์เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ โดยช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเปิดรับความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของตลาดได้มากกว่าปกติที่พวกเขาจะสามารถดำเนินการได้ ดังนั้นนี่หมายความว่าเทรดเดอร์สามารถเข้าสถานะที่มีมูลค่า $100,000 ได้ด้วยเงินเพียง $1,000 ในบัญชีของพวกเขาโดยมีอัตราส่วนเลเวอเรจอยู่ที่ 100:1
จำนวนเลเวอเรจนั้นจัดหาให้โดยโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ โดยให้ถือว่าเป็นเงินกู้ที่ช่วยให้คุณได้กำไรเพิ่มจากการที่ราคาปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามโปรดจำไว้ว่าเลเวอเรจจะเพิ่มปริมาณการขาดทุนของคุณเช่นกันหากราคาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับที่คุณคาดหวัง นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องวางกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพขณะทำการเทรด
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะเทรด คุณต้องเปิดบัญชีที่มีหลักประกันกับโบรกเกอร์ที่มีการกำกับดูแล จากตรงนี้ คุณจะต้องฝากหลักประกันเริ่มแรกตามจำนวนที่กำหนดเพื่อให้สถานะที่มีเลเวอเรจของคุณทำงาน
สิ่งนี้เรียกอีกอย่างว่าเงินประกัน เมื่อจำนวนนี้ลดลงต่ำกว่าระดับต่ำสุด โบรกเกอร์ของคุณจะแจ้งเรียกหลักประกันเพิ่ม นี่หมายความว่าคุณต้องฝากเงินเพื่อให้สถานะเปิดต่อไป มิเช่นนั้นโบรกเกอร์อาจปิดสถานะของคุณ
อัตราส่วนเลเวอเรจ 50:1 หมายถึงหลักประกันที่ต้องการขั้นต่ำจำนวน 1/50 หรือ 2% ของมูลค่าการเทรดรวมทั้งหมดจากคุณ ในทำนองเดียวกัน อัตราส่วนเรเวอเรจ 100:1 หมายความว่าคุณต้องฝากเงินอย่างน้อย 1% ของมูลค่าการเทรดรวมทั้งหมดในบัญชีมาร์จิ้นหลักประกัน
การวิเคราะห์ทางเทคนิค แล การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การใช้การคาดเดาเพื่อทำนายทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ นักเทรดที่มีประสบการณ์จะทำการวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบเพื่อระบุทิศทางที่ราคาของสกุลเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไป มีการใช้วิธีการหลักๆ อยู่สองวิธี คือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคเพิ่มเติมแบบเจาะลึกรวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับการเทรด โปรดเยี่ยมชมบล็อก Traders Hub ของเรา
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
ค่าเงินมีการผันผวนตามสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือการศึกษาปัจจัยทั้งหมดที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและยังเป็นตัวแทนของแนวโน้มในอนาคต เมื่อนักลงทุนล่วงรู้ว่าเศรษฐกิจไหนให้ความคุ้มค่ามากกว่าที่อื่นๆ ความต้องการใช้สกุลเงินในประเทศนั้นก็จะเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาปรับขึ้น นักเทรดตามปัจจัยพื้นฐานจะมองหาข้อมูลชี้วัดเหล่านี้เพื่อวัดสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศ
นโยบายการเงิน: อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางของประเทศได้ทำการตัดสินใจจะส่งผลโดยตรงต่อสกุลเงินในประเทศ เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ค่าเงินก็มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นและเช่นเดียวกันในทางกลับกัน
อัตราเงินเฟ้อ: ธนาคารกลางมีหน้าที่ในการควบคุมเงินเฟ้อและส่งเสริมการจ้างงาน ในการทำเช่นนั้น พวกเขามีเครื่องมือต่างๆ รวมถึงนโยบายการเงินของประเทศ การแทรกแซงตลาด และการผ่อนคลายเชิงปริมาณ
ดุลการค้า: ความสมดุลระหว่างการส่งออกและนำเข้าของประเทศสามารถส่งผลกระทบต่อค่าเงิน
การเติบโตของจีดีพี: สุขภาพเศรษฐกิจโดยรวมนั้นมาจากการเติบโตของจีดีพี ค่าเงินมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าด้วยอัตราการเติบโตของจีดีพีที่ดี
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น อัตราการจ้างงาน ยอดค้าปลีก ดัชนีการผลิต และข้อมูลตลาดเกี่ยวกับการเคหะซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดฟอเร็กซ์ เพื่อติดตามการเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจ เทรดเดอร์จะใช้ปฏิทินเศรษฐกิจ นี่เป็นเพราะความผันผวนที่สำคัญมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในวันที่มีการเผยแพร่รายงานสำคัญ ราคาของสกุลเงินอาจปรับขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขจริงดีหรือแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้หลักการที่ว่าตลาดมีแนวโน้มที่จะทำซ้ำเทรนด์ของราคาในอดีต เพื่อค้นหาเทรนด์เหล่านี้ เทรดเดอร์ต้องอาศัยเครื่องมือวิเคราะห์และการวิเคราะห์กราฟฟอเร็กซ์ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นสูตรทางสถิติที่สามารถให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับตลาดได้ โดยแบ่งออกเป็น:
เทรนด์: เช่น Simple Average, เส้นแนวโน้ม, Moving Average Convergence Divergence (MACD)
ปริมาณ: เช่น On Balance Volume (OBV), Chaikin Money Flow
โมเมนตัม: เช่น Stochastic Oscillator, Relative Strength Index (RSI)
ความผันผวน: เช่น Average True Range (ATR), Volatility Index (VIX)
แพลตฟอร์มเทรดฟอเร็กซ์อย่างเช่น MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 มาพร้อมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์เทรนด์ที่กำลังดำเนินอยู่และโอกาสที่ราคาจะกลับตัว คุณสามารถสร้างกลยุทธ์การเทรดได้จากเครื่องมือวิเคราะห์เหล่านี้
แพลตฟอร์มเหล่านี้ยังช่วยให้คุณสามารถใช้ได้ทั้งการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค ขณะที่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวัดอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มเงินเฟ้อของสกุลเงินที่คู่กันได้ผ่านการแจ้งเตือนข่าวการเงิน เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและกราฟจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทรนด์และช่วงของราคาในอดีต รูปแบบกราฟสามารถให้เบาะแสว่าราคาอาจเคลื่อนไหวแบบใดภายในรูปแบบและทิศทางที่มีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวไปหลังจากทะลุกรอบ
เทรด Forex - คำถามที่ถามบ่อย
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองสิ่งนี้ก็คือฟอเร็กซ์จะจำกัดเฉพาะสกุลเงิน ขณะที่สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) จะรวมถึงประเภทสินทรัพย์ที่มากกว่า โดยรวมถึงหุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์และคริปโตเคอเรนซี่
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ความเหมือนและความต่างระหว่างฟอเร็กซ์กับ CFD.
ขึ้นอยู่กับปัจจัยจำนวนมาก รวมถึงสกุลเงินที่คุณต้องการเทรด ข้อจำกัดด้านเวลาและกลยุทธ์การเทรด ข้อสำคัญที่ต้องทราบก็คือตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่มีความเคลื่อนไหวสูงสุดเมื่อเซสชั่นการเทรดหลักคาบเกี่ยวกัน
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลาในการเทรดฟอเร็กซ์และสกุลเงินที่มีความเคลื่อนไหวในการเทรดสูงสุด คลิกที่นี่.
MetaTrader 4 เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก ออกแบบขึ้นเพื่อการเทรดฟอเร็กซ์โดยเฉพาะ จึงมีเครื่องมือและฟีเจอร์สหลากหลายที่ช่วยมอบประสบการณ์ในการเทรดสุดพิเศษ ส่วนผู้ที่ต้องการแพลตฟอร์มที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นอาจคิดถึง MetaTrader 5 อ่าน แพลตฟอร์มการเทรดฟอเร็กซ์ยอดนิยม (Top Forex Trading Platforms) เพื่อช่วยตัดสินใจว่าแพลตฟอร์มใดเหมาะกับคุณที่สุด
Algorithmic Trading เป็นการเทรดโดยอาศัยอัลกอริทึมหรือชุดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีชุดกฎพิเศษเพื่อทำคำสั่งในตลาด เช่น คำสั่ง Stop-loss Expert Advisors (EAs) และซอฟต์แวร์คัดลอกการเทรด เช่น AutoTrade เป็นตัวอย่างของ Algorithmic Trading
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Algorithmic Trading.
หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินระหว่างประเทศและระดับท้องถิ่น รวมถึง Financial Stability Board (FSB), European Securities and Market Authority (ESMA), คณะกรรมการบริการทางการเงินอิสลาม (IFSB), Financial Conduct Authority (FCA), Australian Securities and Investments คณะกรรมการ (ASIC) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งไซปรัส (CySEC) ได้กำหนดมาตรฐาน ระเบียบข้อบังคับ และแนวทางปฏิบัติที่ระมัดระวัง เพื่อการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมของอุตสาหกรรมการเงินและตลาดฟอเร็กซ์ เพื่อประกันการคุ้มครองผู้ลงทุนและการพัฒนาที่ประสบความสำเร็จของตลาดหลักทรัพย์ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ทั้งหมดภายใต้เขตอำนาจศาลที่จดทะเบียนหรือได้รับอนุญาต และต้องได้รับการตรวจสอบเป็นประจำ
อัตราฟอเร็กซ์และค่าสกุลเงินผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ปัจจัยหลักที่แสดงถึงเศรษฐกิจของประเทศหรือของสหภาพคือ:
ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างตลาดฟอเร็กซ์และตลาดหุ้นคือในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผู้ค้าซื้อและขายสกุลเงินเดียวหรือหลายสกุล โดยมีเป้าหมายที่จะคว้าโอกาสที่นับไม่ถ้วนของสภาพคล่องสูงสุดและความผันผวนสูงที่ตลาดฟอเร็กซ์เสนอ ตลาดหุ้นเป็นจุดนัดพบของนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้น (ส่วนของผู้ถือหุ้น) ของบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง และการกระจายพอร์ตการลงทุน การซื้อขายหุ้นต้องใช้เงินทุนมากขึ้นและการวิเคราะห์ทางเทคนิคในเชิงลึก การซื้อขายหุ้นถือเป็นการลดความเสี่ยงและมีความผันผวนน้อยกว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์ สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและผลกระทบทางอ้อมต่อผลการดำเนินงานของบริษัท
การซื้อขายฟอเร็กซ์ต้องใช้เงินทุนน้อยกว่าการลงทุนอื่นๆ การมีแผนที่เหมาะสมและการยึดมั่นถือมั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาระเบียบวินัยและการใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงแบบเรียลไทม์ที่ดี แม้ว่าจะมีขั้นต่ำ 100 ดอลลาร์ออสเตรเลีย กำหนดเป้าหมายทางการเงินของคุณและเปิดบัญชีทดลองหรือบัญชีจริงกับโบรกเกอร์ที่ให้การศึกษาที่แข็งแกร่ง การสนับสนุนและความมั่นคง เรียนรู้ ฝึกฝนทักษะการซื้อขายของคุณ และออกแบบกลยุทธ์การซื้อขายของคุณเพื่อประสบการณ์การซื้อขายที่รอบคอบยิ่งขึ้น
การให้อีเมลของคุณ แสดงถึงว่าคุณยอ มรับในนโยบายความเป็ นส่วนตัวของ FP Markets และจะรับสื่อการตลาดในอนาคตจาก FP Markets คุณสามารถยกเลิกการสมัครรับได้ทุกเมื่อ
Source - cache | Page ID - 2515