วิธีการเทรด CFD
ในออสเตรเลีย

วิธีการเทรด CFD
ในออสเตรเลีย

สัญญาซื้อขายส่วนต่าง ("CFD") นั้นเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนผู้ทำการเทรดในตลาดการเงินทั่วโลก โดยความนิยมเกิดขึ้นจากการที่ CFD เข้ามาสู่ประเทศออสเตรเลียในปี 2002 ตลาด CFD ในออสเตรเลียได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี ออสเตรเลียก็กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่จัดให้มีการเทรด CFD ในตลาดอย่างเป็นทางการนอกเหนือจากการเทรด CFD ในตลาดอย่างไม่เป็นทางการ

ด้วยประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ CFD จึงได้ก้าวขึ้นเป็นวิธีการเทรดตราสารอนุพันธ์ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในตลาดของออสเตรเลีย ซึ่งได้รับการควบคุมดูแลโดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) และมาพร้อมกับข้อได้เปรียบในการเทรดมากมาย อย่างไรก็ตาม การซื้อขายดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจมีความเสี่ยงสูง หากคุณจะทำการเทรด CFD คุณจำเป็นต้องเข้าใจวิธีการทำงานของตลาด และบทความนี้ช่วยคุณได้

อะไรคือ
CFD Trading?

สัญญาซื้อขายส่วนต่าง ("CFD") นั้นเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนผู้ทำการเทรดในตลาดการเงินทั่วโลก โดยความนิยมเกิดขึ้นจากการที่ CFD เข้ามาสู่ประเทศออสเตรเลียในปี 2002 ตลาด CFD ในออสเตรเลียได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี ออสเตรเลียก็กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่จัดให้มีการเทรด CFD ในตลาดอย่างเป็นทางการนอกเหนือจากการเทรด CFD ในตลาดอย่างไม่เป็นทางการ

ด้วยประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ CFD จึงได้ก้าวขึ้นเป็นวิธีการเทรดตราสารอนุพันธ์ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในตลาดของออสเตรเลีย ซึ่งได้รับการควบคุมดูแลโดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) และมาพร้อมกับข้อได้เปรียบในการเทรดมากมาย อย่างไรก็ตาม การซื้อขายดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจมีความเสี่ยงสูง หากคุณจะทำการเทรด CFD คุณจำเป็นต้องเข้าใจวิธีการทำงานของตลาด และบทความนี้ช่วยคุณได้

ในออสเตรเลีย
มีตราสาร CFD อะไรบ้าง

ตลาดของออสเตรเลียมีตราสาร CFD มากมายให้เลือกสรร ทำให้มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตราสารส่วนหนึ่งที่เทรดกันทั่วไปมีดังต่อไปนี้

  • ฟอเร็กซ์ – ฟอเร็กซ์นับเป็นตราสารทางการเงินที่ได้รับการแลกเปลี่ยนมากที่สุดในโลกซึ่งให้สภาพคล่องที่สูง

  • CFD ตราสารทุน/หุ้นตลาดหลักทรัพย์/หุ้นบริษัท – ตราสารเหล่านี้เป็น CFD ที่มีการเทรดกันโดยทั่วไปมากที่สุด

  • ดัชนี – ดัชนีหุ้นอย่าง FTSE 100, S&P500, Australia (ASX) 200 และอื่นๆ ทำให้เทรดเดอร์ได้เข้าถึงตลาดหุ้นและพอร์ตหุ้นระหว่างประเทศ

  • สินค้าโภคภัณฑ์ – เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ประเภท Soft Commodity (ผลิตผลจากภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์) และ Hard Commodity (แร่เหล็กและพลังงาน) ด้วยต้นทุนทางธุรกรรมและมาร์จิ้นที่ต่ำ

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ คริปโตเคอเรนซี่โดยเฉพาะบิตคอยน์ได้กลายมาเป็นสินทรัพย์ดิจิตอลที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลก และ CFD คริปโตเคอเรนซี่ก็เริ่มมีผู้สนใจมากขึ้นเช่นกัน

หนึ่งในแง่มุมที่น่าสนใจที่สุดของการเทรด CFD คือการที่คุณสามารถเข้าถึงตราสารระหว่างประเทศที่คุณอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ก่อนหน้านี้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณทำการเทรด CFD ในออสเตรเลีย คุณจะสามารถเทรดหุ้นของบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Apple และ Google ได้ในทางอ้อมโดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของหุ้น

ขั้นตอนในการเทรด
CFD มีอะไรบ้าง

1. เตรียมพร้อมสำหรับการเทรด CFD

เมื่อพูดถึงพื้นฐานแล้ว การเทรด CFD นั้นไม่ได้ต่างอะไรจากการเทรดในตลาดการเงินอื่นๆ เลย คุณต้องรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ การวิจัยค้นคว้าอย่างถี่ถ้วนและการปรับตัวให้คุ้นชินกับวิธีการทำงานของ CFD ก่อนที่จะเริ่มทำการเทรดทางออนไลน์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ CFD เนื่องจาก CFD มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง

นอกจากนี้ คุณยังต้องสร้างแผนการเทรดที่ครอบคลุมและไม่มีช่องโหว่อีกด้วย เหนือสิ่งอื่นใด แผนการเทรดจะต้องวางเป้าหมายการเทรดที่เป็นไปได้จริง เงินลงทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ กลยุทธ์การเทรด รวมถึงแผนจัดการความเสี่ยงและจัดการเงิน โดยคุณต้องเรียนรู้ที่จะยึดตามแผนและปรับแผนให้ดีขึ้นเมื่อคุณเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจุดนั้นๆ

2. เลือกผู้จัดหา CFD ที่เชื่อถือได้

การเลือกผู้ให้บริการ CFD อย่างระมัดระวังเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในการสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ประสบความสำเร็จและเพิ่มโอกาสที่อาจได้รับอะไรบางอย่างจากการเทรด CFD ดังนั้น คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์ตอบโจทย์ความคาดหวังและความต้องการในการเทรดของคุณเมื่อเปิดบัญชี CFD นอกจากนี้ โบรกเกอร์ต้องเหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณรวมถึงจัดเตรียมเครื่องมือและการสนับสนุนที่เหมาะสมให้คุณ เทรดเดอร์ CFD ที่ดีที่สุดคือผู้ที่เข้าใจความเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งของตลาด โบรกเกอร์ CFD จะสามารถให้บริการที่มีประโยชน์อย่างยิ่งโดยมอบการเข้าใช้เครื่องมือกราฟที่ดีที่สุด การอัพเดตตลาด ปฏิทินเศรษฐกิจ ข้อมูลเจาะลึกทางการเงินจากผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือวิเคราะห์สัญญาณ สัมมนาผ่านเว็บ และฐานข้อมูลเรื่องคำถามที่ถามบ่อยได้อย่างครบครัน

คำถามส่วนหนึ่งที่คุณต้องถามเมื่อมองหาโบรกเกอร์ CFD มีดังต่อไปนี้

  • โบรกเกอร์รายนั้นได้รับการควบคุมดูแลในออสเตรเลียหรือไม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์รายนั้นได้รับการควบคุมดูแลโดย ASIC และมีหมายเลขใบอนุญาตการบริการด้านการเงินของออสเตรเลีย (AFSL) ที่ถูกต้อง

  • โบรกเกอร์มีตราสารและสินทรัพย์ประเภทใดให้บริการบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ไม่ใช่ว่าโบรกเกอร์ทุกรายจะเสนอการเทรด CFD สำหรับตราสารทุน และบางรายอาจคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเข้าถึง CFD ของตราสารทุน

  • โบรกเกอร์มีแหล่งข้อมูลเพื่อการเรียนรู้เพิ่มเติมที่จะช่วยคุณในการเทรดหรือไม่ CFD นั้นมีความยุ่งยากซับซ้อน หากคุณต้องการเทรด CFD อย่างคุ้มค่า คุณจำเป็นต้องมีโบรกเกอร์ที่ช่วยคุณสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดได้เป็นอย่างดี

  • โบรกเกอร์คิดค่าคอมมิชชันเท่าไร และพวกเขาให้สเปรดที่สมเหตุสมผลหรือไม่ คุณควรมองหาโบรกเกอร์ที่มีสัดส่วนระหว่างต้นทุนกับคุณภาพของการเทรดที่เหมาะสม

  • ยอดเงินฝากเริ่มต้นขั้นต่ำที่โบรกเกอร์กำหนดอยู่ที่เท่าไร โบรกเกอร์บางรายจำเป็นต้องให้คุณมียอดเงินฝากเริ่มต้นที่สูงเพื่อเปิดบัญชี CFD และเริ่มการเทรด

  • โบรกเกอร์มีแพลตฟอร์มเทรด CFD และซอฟต์แวร์ใดให้บ้าง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์มีแพลตฟอร์มเทรดที่ยืดหยุ่นซึ่งมาพร้อมกับเครื่องมือการวิเคราะห์ให้แก่คุณ และอนุญาตให้คุณเพิ่มซอฟต์แวร์ใดๆ ที่อาจจำเป็นเมื่อคุณทำการเทรด

  • โบรกเกอร์ให้ความช่วยเหลือดีหรือไม่ คุณควรมีโบรกเกอร์ที่พร้อมช่วยเหลือคุณยามที่คุณต้องการ

3. Choose the Instrument You
Want to Trade

เนื่องจากว่ามีตัวเลือก CFD ให้คุณเลือกสรรมากมาย คุณจึงต้องหาตราสารที่เหมาะสำหรับคุณ การเลือกโบรกเกอร์ที่มีแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษาที่เพียงพอเป็นสิ่งที่สำคัญ และนี่ก็เป็นหนึ่งในสถานการณ์ดังกล่าว คุณสามารถระบุตราสารและโอกาสการเทรดที่ตรงกับรูปแบบการเทรดและระดับของความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้โดยใช้แหล่งข้อมูลที่เหมาะสม

4. ตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขาย

ข้อได้เปรียบสำคัญข้อหนึ่งของการเทรด CFD คือการที่คุณสามารถเก็งกำไรในการเคลื่อนไหวของราคาได้ไม่ว่าจะในทิศทางใด คุณสามารถทำกำไรได้ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง หลังจากที่ได้ทำการวิเคราะห์ตลาดมาบ้างแล้ว หากคุณเชื่อว่าราคาตลาดของตราสารที่อ้างอิงจะขึ้น ให้คุณเลือกซื้อ (ทำการ Long) แต่ถ้าหากคุณเชื่อว่าราคาตลาดจะตก ให้คุณเลือกขาย (ทำการ Short)

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณคิดว่าราคาหุ้นของ Google จะตก คุณสามารถขาย CFD ของตราสารทุนในบริษัทได้ โดยคุณจะได้กำไรหากราคาหุ้นตก และคุณจะขาดทุนหากราคาหุ้นขึ้น ผลกำไรหรือขาดทุนจะเกิดขึ้นเมื่อคุณปิดสถานะทั้งสำหรับการซื้อและการขาย

5. เลือกขนาดการเทรด

การเทรด CFD มีทั้งแบบที่เป็นสัญญามาตรฐานและเป็นล็อต ดังนั้นคุณจะต้องเลือกจำนวนสัญญาที่คุณต้องการจะทำการเทรด ขนาดของสัญญาหนึ่งขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิงที่เทรด ยกตัวอย่างเช่น สำหรับการเทรดตราสารทุน CFD หนึ่งหน่วยจะมีค่าเท่ากับหนึ่งหุ้น แต่สำหรับตราสารอื่นๆ อย่างดัชนี ฟอเร็กซ์ และสินค้าโภคภัณฑ์ มูลค่าของ CFD หนึ่งหน่วยจะแตกต่างกันไป

6. Apply Risk
Management Orders

การใช้คำสั่ง Take-Profit และคำสั่ง Stop-Loss เป็นหนึ่งในเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่สำคัญซึ่งคุณควรมีไว้สำหรับการเทรด CFD

คำสั่ง Take-Profit หรือคำสั่ง Limit จะช่วยล็อคกำไรไว้โดยปิดการเทรดในระดับราคาที่ดีกว่าในตลาดปัจจุบัน คำสั่งนี้จะเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการรักษากำไรในตลาดที่ผันผวน

คำสั่ง Stop-Loss ทำให้คุณสามารถปิดสถานะที่เปิดอยู่ได้โดยอัตโนมัติทันทีที่ราคาถึงระดับหนึ่งซึ่งต่ำกว่าระดับราคาในตลาดปัจจุบัน โดยคำสั่งดังกล่าวจะเริ่มทำงานเมื่อการเทรดขาดทุนเพื่อช่วยลดการขาดทุนเมื่อตลาดไม่ได้เคลื่อนไหวตามที่คุณต้องการ คำสั่งหยุด (Stop Order) มีหลายประเภทด้วยกันดังนี้

  • คำสั่งหยุดพื้นฐาน (Basic Stop): ปิดสถานะในระดับราคาที่ใกล้กับที่คุณเลือกไว้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ความผันผวนที่สูงและช่องว่าง (เมื่อตราสารเปิดสูงหรือต่ำกว่ามูลค่าที่ปิดในวันก่อนหน้าโดยที่ไม่มีการเทรดใดๆ เกิดขึ้นระหว่างนั้น) อาจส่งผลต่อคำสั่งหยุดพื้นฐานได้

  • คำสั่งหยุดแบบรับประกันระดับ (Guaranteed Stop): จะปิดเมื่อราคาตรงตามระดับที่คุณระบุไว้แม้จะมีช่องว่างก็ตาม โดยคำสั่งหยุดประเภทนี้จะมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยซึ่งคุณเพียงต้องจ่ายเมื่อคำสั่งเริ่มทำงาน

  • คำสั่งเลื่อนจุดหยุดขาดทุน (Trailing Stop): เคลื่อนที่ไปพร้อมกับสถานะของคุณในตลาดที่คุณได้เปรียบ แต่ล็อคกำไรของคุณทันทีที่ตลาดเริ่มเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ

7. ติดตามผลและ
ปิดการเทรด

หลังจากที่คุณได้ทำการเทรดและวางคำสั่งแล้ว คุณสามารถติดตามราคาตลาดได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งคุณยังสามารถเปิดการเทรดใหม่และปิดเทรดที่มีอยู่ได้เช่นกัน ในการปิดการเทรด ให้คุณทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่คุณได้ทำลงไปเมื่อตอนเปิดสถานะ ยกตัวอย่างเช่น สถานะการขายของสัญญาทองคำจำนวน 100 ฉบับจะถูกปิดโดยการซื้อสัญญาทองคำจำนวน 100 ฉบับ เมื่อคุณปิดการเทรด บัญชีของคุณจะสะท้อนให้เห็นถึงกำไรหรือขาดทุนสุทธิ

กำไรหรือขาดทุนจะคำนวณอย่างไร

คุณสามารถคำนวณดูว่าคุณได้กำไรหรือขาดทุนมากน้อยเพียงใดจากการเทรด CFD โดยการคูณจำนวนสัญญาทั้งหมดกับมูลค่าของสัญญาแต่ละฉบับ จากนั้นจึงนำจำนวนนี้ไปคูณกับส่วนต่างระหว่างราคาเมื่อคุณเปิดสถานะกับราคาเมื่อคุณปิดสถานะ

ยกตัวอย่างเช่น สมมุติคุณเชื่อว่ามูลค่าของ FTSE 100 จะตก แล้วคุณขายสัญญา FTSE 100 จำนวน 40 ฉบับเมื่อราคาอยู่ที่ 5,366.0 สัญญา FTSE หนึ่งฉบับมีค่าเท่ากับ $10 ต่อจุด ดังนั้น เมื่อมีสัญญา 40 ฉบับ แต่ละจุดที่ราคาตกลงจะทำกำไรให้ $400 และแต่ละจุดที่ราคาสูงขึ้นจะทำให้ขาดทุน $400

หากคุณตัดสินใจซื้อ FTSE 100 เมื่อมีการเทรดกันอยู่ที่ราคา 5,358.0 กำไรของคุณจะอยู่ที่ $3,200 (40 x 10 x [5,366 – 5,358]) และถ้าหากการคาดเดาของคุณผิดพลาด แล้วสมมุติว่ามูลค่าของ FTSE 100 ขึ้นไปอยู่ที่ 5,375.0 คุณจะขาดทุน $3,600 (40 x 10 x [5,375 – 5,366])

งบกำไรหรือขาดทุนนี้จะเป็นการคำนวณก่อนที่จะรวมต้นทุนในการเทรด หากต้องการรับแนวคิดที่แน่นอนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับว่าคุณจะได้กำไรหรือขาดทุนมากน้อยเพียงไร คุณจะต้องหักค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใดๆ ก็ตามที่คุณมีออกเมื่อคุณเทรด ซึ่งรวมถึงสเปรด คอมมิชชัน หรือค่าพรีเมี่ยมอีกเล็กน้อยเมื่อคุณใช้คำสั่งหยุดแบบรับประกันระดับ (Guaranteed Stop)

ต้นทุนของการเทรด CFD
มีอะไรบ้าง

จำนวนเงินที่คุณต้องใช้จ่ายสำหรับการเทรดแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับตราสารที่คุณเลือกเทรด เนื่องจากแต่ละตราสารมีสภาพคล่องที่ต่างกัน และนี่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเราจะขายตราสารหนึ่งได้ง่ายเพียงใดเมื่อเทียบกับตราสารอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนของการเทรด CFD โดยทั่วไปมักจะต่ำกว่าการลงทุนประเภทอื่น

ส่วนใหญ่แล้ว คุณจะจ่ายค่าคอมมิชชันก็ต่อเมื่อคุณเทรด CFD ของตราสารทุนและสเปรดสำหรับตลาดอื่นๆ ซึ่งสเปรดคือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายของ CFD นอกจากนี้ คุณยังต้องพิจารณาดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระเพื่อรักษาสถานะให้เปิดไว้ข้ามคืน รวมถึงต้นทุนของเครื่องมือเพิ่มเติมใดๆ ที่คุณอาจต้องใช้เมื่อคุณเทรด

เพราะเหตุใดการเทรด CFD
จึงมีความเสี่ยงสูง

CFD มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นเดียวกันกับการลงทุนอื่นๆ CFD คือผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจ และความเสี่ยงใหญ่ที่สุดเมื่อพูดถึงการเทรด CFD ก็คือการที่เทรดเดอร์มีมาร์จิ้นและระดับของเลเวอเรจที่สูง ทั้งเลเวอเรจและมาร์จิ้นจะช่วยลดต้นทุนในการเข้าสู่ตลาด ทำให้การเทรด CFD เป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม มาร์จิ้นเริ่มต้นและเลเวอเรจก็อาจทำให้การเคลื่อนไหวเล็กน้อยเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวได้ ซึ่งหมายความว่าสิ่งเหล่านี้อาจเพิ่มการขาดทุนได้เช่นเดียวกันกับที่เพิ่มกำไร การขาดทุนอาจยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปจนถึงจุดที่เกินกว่าเงินฝากของคุณ ทำให้ยอดเงินฝากของคุณตกลงไปต่ำกว่าศูนย์ (ยอดเงินฝากในบัญชีติดลบ) และความเสี่ยงนี้จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกในตลาดที่มีความผันผวน นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณต้องเลือกโบรกเกอร์อย่างรอบคอบ โดยจะต้องเลือกโบรกเกอร์ที่เสนอนโยบายป้องกันยอดเงินฝากติดลบให้คุณ

การเทรด CFD เหมาะสำหรับทุกคนหรือไม่

ไม่ว่าใครๆ ก็สามารถเทรด CFD ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำ การเทรด CFD อาจให้ประโยชน์ได้มากมาย โดยเฉพาะความสามารถในการเทรดในตลาดด้วยทุนเพียงน้อยนิด แต่ถึงกระนั้น เนื่องจากความยุ่งยากซับซ้อน การเทรด CFD จึงเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีวินัยและมีกลยุทธ์ในการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเสียมากกว่า รวมถึงมีหลักปฏิบัติที่ดีโดยใช้เลเวอเรจและข้อกำหนดมาร์จิ้นอย่างถูกต้อง

เริ่มต้นการเทรด CFD

การเทรด CFD ไม่ควรถูกมองเป็นเรื่องเล่นๆ การก้าวสู่การเทรด CFD ด้วยความหวังที่จะรวยขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นเป็นเรื่องอันตราย และทัศนคติเช่นนั้นอาจทำให้คุณสูญเสียเงินทุนได้ในเวลาอันสั้น มีเทรดเดอร์นับพันที่เทรด CFD ในออสเตรเลีย ซึ่งหลายคนก็ประสบความสำเร็จในตลาด สิ่งที่ทำให้ผู้ที่ประสบความสำเร็จต่างออกไปจากผู้ที่ล้มเหลวก็คือพวกเขาได้ใช้แนวทางที่ถูกต้องในการเทรด อย่างไรก็ตาม ไม่มีสูตรความสำเร็จที่ตายตัว คุณต้องมีวินัยเป็นอย่างมาก รวมถึงมีความอดทนและหลักปฏิบัติที่อาจต้องใช้เวลาหลายปีในการเรียนรู้จนชำนาญ

เริ่มเทรดโดยใช้บัญชีทดลอง

หากคุณไม่มีประสบการณ์ในการเทรดมากนัก คุณสามารถ ‘ทดลองใช้’ แพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ด้วยบัญชีทดลองที่ผู้จัดหา CFD มีให้โดยที่ไม่ต้องฝากเงิน ไม่เพียงเท่านั้น บัญชีทดลองเหล่านี้ยังมีประโยชน์ในการทดสอบกลยุทธ์การเทรด CFD ก่อนที่คุณจะเปิดบัญชีเทรดจริงอีกด้วย

คลิกที่นี่เพื่อเปิดบัญชีทดลองแล้วเทรด CFD กับ FP Markets

เริ่มต้นเทรด
ได้ในไม่กี่นาที

bullet เข้าถึงตราสารทางการเงินกว่า 10,000 รายการ
bullet เปิดและปิดสถานะอัตโนมัติ
bullet ข่าวสารและปฏิทินเศรษฐกิจ
bullet เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและกราฟ
bullet มีเครื่องมือเพิ่มเติมอีกมากมาย

การให้อีเมลของคุณ แสดงถึงว่าคุณยอ มรับในนโยบายความเป็ นส่วนตัวของ FP Markets และจะรับสื่อการตลาดในอนาคตจาก FP Markets คุณสามารถยกเลิกการสมัครรับได้ทุกเมื่อ




Source - database | Page ID - 20299

Get instant Updates in Telegram